วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

Japan Tour 2013 - Day 6 : Sakurajima

สวัสดีครับ หัวข้อนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับภูเขาไฟซากุระจิมะครับ

30 ธันวาคม 2556

ก่อนที่เราจะขึ้นรถไฟชินคังเซ็นไปสถานีคาโกะชิมะจูโอนั้น ผมมีรูปสถานีฮาคาตะตอนกลางวันครับ


และรูปต่อไปนี้ ตอนอยู่ในรถไฟฮะ


JR Kyushu (บริษัทเจ้าของรถไฟชินคังเซ็นคิวชู) เค้าก็ถ่ายรูปครอบครัวกับป้ายฮะ


ที่คาโกะชิมะ รูปข้างล่างเป็นศูนย์ถ่ายทอดจังหวัดคาโกะชิมะของ NHK


เรานั่งแท๊กซี่จากสถานีไปที่ท่าเรือคาโกะชิมะไปขึ้นเฟอร์รี่


เ่อ่อ... ขอบอกว่าเราอยู่ในเฟอร์รี่จริงๆฮะ คือเขาจัดภายในเรือไว้ดีมาก มีทั้งร้านอาหาร ทีวี ฯลฯ





และเราก็มาถึงเกาะซากุระจิมะ รูปข้างล่างนี้คือป้ายรถเมล์ทัวร์



รูปข้างบนเป็นตั๋วรถเมล์รายวัน 500 เยน ใช้ได้ตลอดวัน
ภูเขาไฟซากุระจิมะถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดคาโกะชิมะ เดิมเป็นเกาะเดี่ยวๆ แต่มาเชื่อมกับเกาะคิวชูเนื่องจากลาวาที่ไหลมาเชื่อมกันตอนปะทุครั้งใหญ่ปีไทโชที่ 3 (ค.ศ. 1914) ตอนนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่ และยังคงมีข่าวการปะทุหลายครั้ง (แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย)
ต่อไปนี้เป็นภาพที่ผมถ่ายรอบๆเกาะ+ยอดภูเขาไฟ





สองรูปล่างต่อไปนี้ผมถ่ายจากจุดชมวิว มียอดภูเขาไฟด้วย (แต่ตรงจุดชมวิวมีเถ้าภูเขาไฟเยอะเกิ๊น)



สองรูปข้างล่างเป็นรูปปั้นของนักดนตรีร็อคชาวญี่ปุ่น นามว่า นางาบุจิ ทสึโยชิ ที่มาแสดงคอนเสิร์ตที่ซากุระจิมะเมื่อปี 2004 รูปปั้นนี้ทำจากหินภูเขาไฟ



ที่ซากุรจิมะ มีหัวไชเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อว่า "ซากุระจิมะไดคง" ซึ่งหนักที่สุดถึง 45 กิโลกรัม เส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึง 50 เซนติเมตร (ไม่มีรูปคร้าบ ขอโทษด้วยนะคร้าบ)


ภาพวิวและยอดภูเขาไฟจากจุดชมวิวยุโนะฮิระ 




รูปข้างบนนี้เป็นรูปปากปล่องภูเขาไฟ ข้างบนเป็นปล่องเหนือ (ดับแล้ว) ข้างล่างเป็นปล่องใต้ (ปล่องนี่แหละฮะที่คุกรุ่นอยู่) เดี๋ยวเอาภาพภูเขาไฟที่ถ่ายจากข้างบนดีกว่าให้เห็นกันชัดๆ


สามรูปข้างล่างนี้เป็นทะเลที่เกิดสงครามอังกฤษ-ซัทสึมะ (หรือเรียกอีกชื่อว่า การระดมยิงที่ซัทสึมะ) อันเนื่องมาจากเหตุการณ์สังหารพ่อค้าชาวอังกฤษ ทางอังกฤษได้เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลเอโดะ แต่รัฐบาลเอโดะไม่ยอม เรื่องจึงบานปลายกลายเป็นสงคราม ในสงครามนี้ อังกฤษได้ระดมยิงปืนใหญ่เป็นจำนวนมาก ทำให้อังกฤษชนะ ทางซัทสึมะจึงยอมจ่ายเงินค่าเสียหาย




และก็สิ้นสุดทริปในซากุระจิมะ




กลับมาที่สถานีคาโกะชิมะจูโอ


เอ...ทำไมมีเครื่องบินมาอยู่หน้าสถานีหนอ
นี่ฮะ เขาเอามาโปรโมทหนังชื่อ Eien no Zero เป็นหนังเกี่ยวกับสงคราม



จบแล้วคร้าบ พบกันวันต่อไปครับ
































วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

Japan Tour 2013 - Day 5 - Yoshinogari

สวัสดีอีกครั้งครับ คราวนี้เราจะไปพักกันที่เกาะคิวชูครับ

29 ธันวาคม 2556


ระหว่างรอรถไฟชินคังเซ็นที่สถานีโอคายามะ





นั่งรถไฟชินคังเซ็น "ซากุระ" ไปที่สถานีฮาคาตะ



หลังจากถึงฮาคาตะแล้ว เราไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน แล้วเราก็นั่งรถไฟชินคังเซ็นไปที่ชินโทสึ เพื่อจะไปชมสวนประวัติศาสตร์โยชิโนการิครับ





นี่คือรถไฟชินคังเซ็นของคิวชู
และเราก็มาถึงสวนประวัติศาสตร์ โยชิโนะการิ





ยุคยาโยอิของญี่ปุ่นเป็นยุคที่การปลูกข้าวพัฒนาขึ้นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นยุคที่มีการพุ่งรบกันมากที่สุดยุคหนึ่ง สาเหตุมาจากการแย่งข้าวและเสบียง
ในยุคนี้ญี่ปุ่นยังมิได้รวมกันเป็นประเทศเดียว แต่แบ่งเป็นแคว้นๆ และในแต่ละหมู่บ้านจะแต่งตั้งพระราชาของหมู่บ้านตน
ญี่ปุ่นในยุคนี้เริ่มเป็นที่รู้จักโดยจีน ซึ่งทางจีนเรียกประเทศนี้ว่า "วะ" จดหมายเหตุโฮ้วฮั่นซู ซึ่งบันทึกเรื่องราวในราชวงศ์ฮั่นตะวันออกบันทึกว่าอาณาจักร "นะ" ส่งบรรณาการแด่ฮ่องเต้ฮั่นกวงหวู่ ฮ่องเต้จึงพระราชทานตราประทับทองคำรับรองอาณาจักรนี้ และจดหมายเหตุสามก๊ก ฉบับแคว้นเว่ย (วุยก๊ก ต่อไปขอเรียกชื่อนี้เนื่องจากเป็นชื่อที่คนไทยรู้จัก) ระบุว่า ราชินีฮิมิโกะแห่งอาณาจักรยามาไต (ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าอยู่ที่ไหน คิวชู? คันไซ?) ส่งเครื่องราชบรรณาการไปยังวุยก๊ก
เรานั่งรถเมล์ของสวนไปตามเส้นทางรอบสวน


ประตูเข้าตัวหมู่บ้าน



หอใต้ คาดว่าน่าจะเป็นที่ประทับและพำนักของพระราชาและบุคคลชั้นปกครอง ส่วนหอเหนือ (ไม่มีรูป เพราะถ่ายไม่ได้ รั้วมันบัง) นั้นคาดว่าเป็นปะรำพิธี


ข้างบนเป็นตัวหมู่บ้าน


คูน้ำ


อันนี้ภายในรถ


ด้านขวาของรูปข้างบนเป็นส่วนพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ เราจะเข้าไปชมกัน
สงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมถึงต้องสร้างสวนที่จังหวัดซางะด้วย เพราะว่าเป็นสถานทีีที่โบราณวัตถุสมัยยาโยอิถูกขุดพบมากที่สุดครับ


นี่คือเขื่อนคาเสะงาวะ สร้างขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากภัยน้ำท่วมและรักษาระบบนิเวศน์ตามลำน้ำ สร้างเสร็จเมื่อปี 2012 ทีนี้มันเกี่ยวกับสวนประวัติศาสตร์นี้อย่างไร คือตอนสร้างเขื่อน กระทรวงที่ดิน โยธาธิการ คมนาคม และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการได้สั่งให้ย้ายต้นไม้ในพื้นที่ที่คาดว่าจะจมอยู่ใต้น้ำ ไปปลูกที่สวนประวัติศาสตร์โยชิโนะการิ (อยู่ถัดไปจากพิพิธภัณฑ์ แต่ไม่ได้ไป เพราะไม่มีเวลามากนัก) 
และนี่คือรูปการย้ายต้นไม้


นี่คือรูปสวนประวัติศาสตร์แห่งนี้



รูปข้่างบนคือบันไดบ้าน



สองรูปข้างบนเป็นข้าวของเครื่องใช้ในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังขุดพบเครื่องปั้นดินเผาในแถบนี้เป็นจำนวนมาก


ตรงนี้เป็นที่สาธิตให้เด็กลองตำข้าวด้วยครก (จำลองแบบจากสมัยยาโยอิ)
เรานั่งรถต่อไปยังนิทรรศการ ระหว่างนี้ผมถ่ายรูปข้างทางมาอีก 3 รูป


ทางโน้นเป็นสวนสำหรับให้เด็กเล่น



และเราก็มาถึงประตูหมู่บ้านหลัก



ขวากรอบตัวหมู่บ้าน


เราเข้าไปในนิทรรศการ แต่ข้างในเขาไม่ให้ถ่าย (ยกเว้นส่วนที่ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งเดี๋ยวผมจะโชว์) ผมจำได้ว่าข้างในจัดแสดงอาวุธที่มีอยู่ตอนนั้น เช่น ดาบ หอก ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบไหดินเผาที่บรรจุโครงกระดูก...ไม่มีหัว! ไม่ทราบว่าหายไปไหน อาจจะถูกตัดหัวตอนสู้รบหรือเขาตัดหัวก่อนบรรจุใส่ไห เพราะพบรอยแตกตรงกระดูกไหปลาร้ากับซี่โครง คาดว่าอาจจะผ่านการสู้รบมา




ปิดท้ายด้วยรูปรถไฟชินคังเซ็นของคิวชูและบรรยากาศสวยๆหน้าสถานีฮาคาตะ






บทความนี้ยาวสักหน่อยเพราะเนื้อหาละเอียด+รูปเยอะมาก
เจอกันบทความต่อไปครับผม